ความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของ “ศิลปิน” คือการนำจินตนาการที่จับต้องไม่ได้ มาทำให้ปรากฏชัดเจน ด้วยการสร้างสรรค์เป็นผลงานที่เรียกว่า “ศิลปะ” และอีกมุมหนึ่ง งานศิลปะก็เป็นเครื่องสะท้อนจินตนาการอันล้ำเลิศของศิลปินได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศิลปะแฟนตาซี (Fantasy art) ศิลปะที่ถูกรังสรรค์ให้มีองค์ประกอบอยู่เหนือความเป็นไปได้ในชีวิตจริง โบว์ ปัณฑิตา มีบุญสบาย เป็นศิลปินอีกคนหนึ่ง ที่มีความโดดเด่นในด้านการสร้างสรรค์ภาพวาดแนว Fantasy art ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในภาพวาดของเธอ ล้วนมีที่มาและเบื้องหลังที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
“วาดภาพมาตั้งแต่จำความได้”
โบว์ ปัณฑิตา มีบุญสบาย เป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ฝีแปรงของเธอนั้นโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นที่เลื่องลือในแวดวงศิลปินและหมู่ผู้ชื่นชอบในการสะสมผลงานศิลปะ คุณโบว์เล่าให้ฟังถึงความหลังในวัยเด็ก ว่าเริ่มวาดภาพมาตั้งแต่จำความได้ ถึงแม้คนในครอบครัวจะไม่ได้ทำงานศิลปะเลยแม้แต่คนเดียว แต่ก็ได้รับการสนับสนุนให้ใช้เวลาว่างในการวาดภาพเป็นอย่างดี จนมาถึงช่วงที่เรียนอยู่ชั้นประถม ฝีมือการวาดภาพพัฒนามากขึ้นจนโดดเด่นกว่าเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน จึงทำให้เธอกลายเป็นผู้เข้าประกวดแข่งขันวาดภาพมาโดยตลอด ตั้งแต่วัยเด็กประถม จนถึงวัยรุ่นมัธยม
แม้จะเดินสายประกวดวาดภาพมาอย่างมากมายหลายรายการ แต่ที่น่าประหลาดใจคือเธอเป็นเด็กสายวิทย์ – คณิต ที่มีความรู้ความสามารถในด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ไม่ได้น้อยไปกว่าด้านศิลปะเลย จึงทำให้อาชีพศิลปินไม่ได้อยู่ในความคิดตอนนั้น และก้าวสำคัญที่นำพาไปสู่เส้นทางศิลปินอย่างเต็มตัวคือ เหตุการณ์ที่ตัดสินใจ ลองเสี่ยงเลือกเรียนที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตามคำแนะนำของคุณครูท่านหนึ่ง ซึ่งเห็นแววศิลปินในตัวเธอ
และในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยนี่เองทำให้ได้ฝึกฝนพัฒนาฝีแปรง สั่งสมประสบการณ์จนค้นพบแนวทางของตัวเอง และผลงานแจ้งเกิดที่ทำให้โด่งดังเป็นที่รู้จัก คือผลงาน ศิลปนิพนธ์ ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอ
“ถ้าชีวิตจริงเราก็มีแค่ด้านเดียว เราเอาตัวเองไปเป็นคนอื่นก็ไม่ได้แต่ว่าในงานศิลปะเราทำได้”
หากสังเกตผลงานที่คุณโบว์สร้างสรรค์ขึ้น จุดเด่นสำคัญที่เป็นเหมือนลายเซ็นของเธอ คือการวาดภาพของผู้หญิง ซึ่งมักเป็นภาพของตัวเอง ภาพของสรรพสัตว์น้อยใหญ่ และภาพอาคารหรือโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมประกอบรวมกันอยู่ในผลงาน เบื้องหลังขององค์ประกอบเหล่านี้ คุณโบว์เฉลยให้ฟังด้วยแววตาอันสดใสว่า “โบว์อยากมีส่วนร่วมกับงาน อยากมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นั้น ๆ ถ้าชีวิตจริงเราก็มีแค่ด้านเดียว เราเอาตัวเองไปเป็นคนอื่นก็ไม่ได้ แต่ว่าในงานศิลปะเราทำได้ เราสามารถเอาตัวเองเข้าไปอยู่ร่วมในบรรยากาศได้”
นอกจากนี้ยังเป็นคนที่รักสัตว์มาก ทำให้ในช่วงมัธยมเธอมีความฝันว่า อยากจะเป็นสัตวแพทย์ ซึ่งหากสนใจสิ่งใด จะจริงจังกับสิ่งนั้นมาก เคยติวเพื่อสอบสัตวแพทย์แบบเข้มข้นชนิดที่ว่า ล้วงก้นวัว ฉีดยาปลามาแล้ว ก่อนที่จะมาสนใจในด้านสถาปัตยกรรม และมาติวด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ผลงานของเธอเป็นที่ชื่นชมของรุ่นพี่มาก ผลงานของเพื่อนคนอื่น ๆ เป็นการวาดแบบเส้นหนักเบา เน้นโครงสร้าง แต่สำหรับผลงานของคุณโบว์นั้น เป็นการวาดแบบลงรายละเอียดแสงและเงา วาดคน วาดบรรยากาศโดยรอบลงไปด้วย คุณโบว์เล่าให้ฟังอย่างมีอารมณ์ขันว่า “โบว์วาดแม้แต่รอยยับของเสื้อคน จนมีพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วบอกว่า งานเรานี่เหมือนคณะข้าง ๆ มากว่านะ (คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์) เรามาผิดคณะหรือเปล่า” หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาศึกษาที่คณะข้าง ๆ อย่างที่รุ่นพี่ทักไว้จริง ๆ สิ่งที่คุณโบว์สนใจและตั้งใจศึกษาอย่างจริงจังนี้ กลายมาเป็นองค์ความรู้ที่สะสมอยู่ในตัว เมื่อได้สร้างสรรค์งานศิลปะ องค์ความรู้เหล่านี้จึงเป็นวัตถุดิบชั้นดี ที่นำมาประกอบรวมกันจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่น
“แล้วชิ้นต่อไปเราจะพัฒนามันอย่างไร ถ้าชิ้นนี้มันสุดยอดแล้ว”
คุณโบว์เริ่มขายงานศิลปะได้ในช่วงปี 4 งานที่ขายนั้นคืองานที่ทำส่งตอนเรียน แม้จะไม่ได้เยอะมาก แต่สามารถอยู่ได้ด้วยงานศิลปะ โดยไม่ได้รบกวนทางบ้านเลย ในตอนนั้นไม่อยากเรียกว่าเป็นอาชีพ เพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่นักศึกษาที่ขายงานได้ ถ้าจะเรียกว่าเป็นอาชีพจริง ๆ คือหลังจากที่เรียนจบ แต่เพราะเธอได้ปูทางให้ตัวเองตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 จนมีคนที่รู้จักผลงาน ประกอบกับการได้ไปสัมภาษณ์กับสื่อต่าง ๆ จึงเป็นที่รู้จักมากขึ้น เส้นทางอาชีพศิลปินในช่วงเริ่มต้นนั้นจึงไม่ลำบากมากนัก
คุณโบว์เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่จริงจังถึงการทำอาชีพศิลปินว่า “โบว์เป็นศิลปินอิสระ ที่ทำทุกกระบวนการด้วยตัวเอง โบว์ต้องมีความรับผิดชอบที่สูงมาก งานศิลปะมันมันต้องอาศัยวินัยเยอะมาก การออกไปท่องเที่ยว หรือการไปดูงานศิลปะ มันก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะทำให้มุมมองเราโตขึ้น รวมถึงการวิเคราะห์ว่างานเราผิดพลาดตรงไหน เราอย่าพึ่งไปมองว่างานที่เราทำมันดีที่สุด แล้วชิ้นต่อไปเราจะพัฒนามันอย่างไร ถ้าชิ้นนี้มันสุดยอดแล้ว”
“ต้องพิชิตให้ได้ เป็นการฝึกตัวเองด้วย”
ครั้งหนึ่งคุณโบว์ได้จัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรก มีผลงานชิ้นหนึ่งถูกวาดขึ้น เพราะต้องการทบทวนว่าตัวเองเป็นใคร เธอลงมือวาดตัวเองในสีหน้าและอารมณ์ต่าง ๆ มากมายเบียดเสียดจนเต็มภาพ แต่การวาดตัวเองซ้ำไปซ้ำมานั้น เป็นสิ่งที่ทรมานศิลปินผู้สร้างสรรค์ภาพวาด ด้วยองค์ประกอบที่หลากหลายไม่ซ้ำเดิม แบบคุณโบว์เป็นอย่างมาก “พอเริ่มวาดสัก 10 ตัวเริ่มทรมานแล้วแต่มันก็รู้สึกว่าต้องพิชิตให้ได้เป็นการฝึกตัวเองด้วย” แต่หลังจากที่วาดเสร็จ ผลงานชิ้นนี้ทำให้เธอมีความสุขและภูมิใจมากที่สามารถเอาชนะตัวเองได้ ผลงานชิ้นนี้เป็นความยากที่สร้างความสนุกในช่วงที่เริ่มลงมือ สร้างความทุกข์จนน้ำตาตกใส่ภาพในช่วงหลัง และสร้างความยินดีในจิตใจเมื่อทำมันได้สำเร็จ นับเป็นผลงานที่รวมทุกความรู้สึกของศิลปินผู้สร้างสรรค์ไว้ในภาพเดียว ทั้งยังเป็นความท้าทายที่เธอสร้างขึ้นเป็นบททดสอบความอดทนของตัวเอง
เมื่อพูดถึงนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรก เธอได้เล่าให้ฟังถึงอุบัติเหตุที่เกิดกับผลงานศิลปะว่า มีผลงานชิ้นหนึ่ง ตกลงมาแตกอยู่บนพื้น ซึ่งผลงานชิ้นนั้นในอยู่ระหว่างการจัดแสดง ต้องแก้ไขสถานการณ์แบบเร่งด่วนที่สุด จึงเลือกวิธีแก้ไขด้วยการเล่นกับพื้นที่ ลงมือวาดเส้นสีขาวแบบอาร์ต ๆ รอบผลงานที่ตกลงมาแตกอยู่บนพื้น พร้อมลงวันที่กำกับ ทำให้ผลงานที่พังชิ้นนั้น กลายเป็นงานศิลปะอีกรูปแบบหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่จัดแสดง คุณโบว์ยอมรับว่าไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผลงานศิลปะ ที่ศิลปินตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้น แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก็ต้องคิดให้ได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ทุกอย่างต้องแก้ไขได้ และถือว่าเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ได้ฝึกการแก้ไขปัญหา
“งานศิลปะมันถูกทำมาทุกรูปแบบแล้ว…มันเหลือแค่ว่า
เราจะสามารถต่อยอดสิ่งที่เราทำอยู่ให้มันดีแค่ไหน”
ฝีไม้ลายมืออันเลื่องชื่อของคุณโบว์ ทำให้กลายเป็นต้นแบบของรุ่นน้องหลาย ๆ คน มักมีรุ่นน้องมาขอคำปรึกษาอยู่บ่อยครั้ง เธอเล่าให้ฟังด้วยความเป็นห่วงศิลปินรุ่นน้องว่า ปัจจุบันนี้ทั้งแรงกดดันทั้งภาวะเศรษฐกิจทำให้หลาย ๆ คนมุ่งเป้าไปที่การสร้างงานเพื่อตอบโจทย์การตลาด มากกว่าการค้นหาแนวทางที่เป็นตัวตนของตัวเอง อยากให้รู้สึกสนุกกับการค้นหาตัวตนก่อน และให้ข้อคิดในการค้นหาตัวตนว่า “เด็กยิ่งโตขึ้นการค้นหาตัวเองมันก็จะยิ่งยากมากขึ้น เพราะว่างานศิลปะมันถูกทำมาทุกรูปแบบแล้ว เราจะทำฉีกไปกว่านี้ค่อนข้างยาก มันเหลือแค่ว่าเราจะสามารถต่อยอดสิ่งที่เราทำอยู่ให้มันดีแค่ไหน พยายามทำให้มันพิเศษขึ้น หรือใส่ความเป็นตัวเรามากขึ้น มันก็อาจจะช่วยน้อง ๆ ได้เยอะ”
เมื่อถามถึงอนาคตที่วาดฝันไว้ ก็ได้คำตอบว่าในอนาคตอาจจะเกษียณตัวเอง จากการวาดภาพขายในช่วงอายุประมาณ 40 ปี แต่คงไม่เลิกวาดภาพ เพราะการวาดภาพคือสิ่งที่ชอบมาตั้งแต่จำความได้ เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต เธอรู้สึกมีความสุขกับการวาดภาพเพื่อเป็นงานอดิเรก แต่เมื่อเติบโตขึ้น ความรับผิดชอบก็มากขึ้นตามไปด้วย
ความรู้สึกของการวาดภาพขาย จึงต่างไปจากการวาดภาพเป็นงานอดิเรก เธอรู้สึกชอบงานศิลปะในขณะที่มันเป็นงานอดิเรกมากกว่า อีกความฝันหนึ่งของคุณโบว์คือ อยากให้ในหนังสือเรียนศิลปะสักเล่ม มีชื่อของเธออยู่ในนั้น แม้ในวันที่ไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ชื่อของเธอก็จะยังคงอยู่กับงานศิลปะไปอีกนาน เหมือนกับคำพูดของ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ที่ว่า “ศิลปะยืนยาว…ชีวิตสั้น”
ขอขอบคุณภาพ จาก คุณโบว์ ปัณฑิตา มีบุญสบาย
https://www.facebook.com/puntita.meeboonsabai
https://www.tiktok.com/@puntitabow
หมายเหตุ
1 Feminine หมายถึง ความเป็นผู้หญิง, เกี่ยวกับเพศหญิง
แหล่งข้อมูล
ปัณฑิตา มีบุญสบาย. (2566). ศิลปินอิสระ. สัมภาษณ์, 18 กุมภาพันธ์. ณ งาน CreativeMatters & Art Book Fair มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ